
"เคยทำห้องเก็บเสียงดนตรีมา พอมีประสบการณ์อยู่"
เป็นคำที่เราได้ยินอยู่บ่อยครั้งเมื่อพูดคุยกับผู้รับเหมา เวลาพูดถึงเรื่องการเก็บเสียงห้องไดโน่ที่ใช้ทดสอบเครื่องยนต์
จริงอยู่ที่ห้องดนตรีนั้นเสียงดังรบกวนชาวบ้านมาก โดนเฉพาะกีตาร์ไฟฟ้า และชุดกรอง แต่บอกได้เลยว่า คนละสเกลกับห้องไดโน่ต้องเทสเครื่องแน่นอน !
ก่อนที่เราจะไปพูดถึงความดังของห้องไดโน่นั้น เพื่อให้สามารถเทียบเคียงความดังให้เราเข้าใจได้ จึงขอย้อนไปเรื่องสเกลของความดังกันก่อน
ความดังของเสียง และ หน่วยของเสียง
เสียงมีหน่วยทางวิทยาศาสตร์ เป็น bel (B) แต่ในความจริงแล้ว หน่วย bel (B) เป็นหน่วยที่ค่อนข้างหยาบ โดยปกติเราจึงใช้เป็น decebel (dB)
1 decibel (dB) = 1/10 bel (B)
หน่วย bel และ decibel เป็นการวัดอัตราส่วนกำลังของเสียง (power) ในสเกล logarithmic โดยที่ อัตราส่วน ต่างกัน 1 dB จะมีค่าเท่ากับ 10 ยกกำลัง 1/10

จะเห็นได้ว่า ทุกๆ + 1 dB เสียงจะมีกำลัง (power) มากขึ้นถึง 1.25 เท่า แต่ความดัง (amplitude) จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1.12 เท่า
แปลว่าทุกๆ 10 dB ความดังที่เราได้ยินนั้น เพิ่มขึ้นถึงประมาณ 4 เท่า
ยังนึกไม่ออกกันใช่ไหม ? ว่าแล้ว + 1 หรือ + 10 dB จริงๆดังแค่ไหน ? อ่ะ เราเทียบให้ดูแล้วกัน
60 dB - เสียงคุยกันในร้านอาหาร
70 dB - เสียงเครื่องดูดฝุ่น
80 dB - เสียงกริ่งโทรศัพท์
90 dB - เสียงไดร์เป่าผม
100 dB - เสียงปืนลมถอดล้อรถ
110 dB - เสียงสว่านเจาะผนัง
120 dB - เสียงไซเรนรถพยาบาล
130 dB - เสียงเครื่องเจ็ทออกตัว ที่ 100 เมตร
เสียงเครื่องเจ็ทออกตัว เช่นแบบนี้
ดังไหมครับ ? อันนี้คือ 130 dB นะ
โอเค ในเมื่อเราเริ่มเข้าใจกันแล้วว่า เสียงดังประมาณแบบไหน
ตอนเทสไดโน่จริง ดังแค่ไหน ?
เอาล่ะ เรามากันที่ห้องไดโน่เทส ที่ออฟฟิสเรา


โดยเรามีนายแบบ เป็น BMW E36 328i กับเครื่อง M52B28 2.8ลิตร ท่อตรง Straight pipe, no CAT, no muffler.

มาดูกัน ว่าตอนเทสเสียงจะดังแค่ไหน เสียงสดจากในห้องเทส!
จากที่ทดสอบวัดเสียง ความดังสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 129 dB(A) ห่างจากเครื่องเจ็ทออกตัวเพียง 1 dB หรือ แค่ 12% แค่นั้นเอง
แล้วถ้าต้องทำเก็บเสียงหละ ยากแค่ไหน ?
เอาล่ะ ในเมื่อเราเข้าใจแล้วว่าตอนทดสอบไดโน่ เสียงดังได้ขนาดไหน
ขอย้อนกลับมาที่ตารางนี้

ความดัง สมมติประมาณร้านอาหาร ก้คือ อยู่ที่ 70 dB อันนี้คือเสมือนเรานั่งอยู่ที่ร้านอาหาร
แต่จากเครื่อง รถ ขณะทดสอบ อยู่ที่ความดัง ถึง 129 dB เมื่อหักลบกัน
129 dB - 70 dB = 59 dB
ความดังที่ต่างจากความดังทั่วไปในร้านอาหารคือ 59 dB หรือ
59 dB = (10) ^ (59/10) = 794,328.23
พลังเสียงต่างกัน ประมาน 795,000 เท่า !!
ใช่ครับ พลังเสียงต่างกันเกือบ 8 แสน เท่า หรือ ความดัง ต่างกัน 890 เท่า
ถ้าเราต้องการทำให้เสียงเหลือเพียงเท่าร้านอาหาร แปลว่าเราต้องทำให้เสียงเบาลงถึง 890 เท่า
แล้วยังไง? ยังไม่เห็นเข้าใจเลยว่ามันยากต่างจากห้องเก็บเสียงดนตรีเหรอ?
โอเค เราขอยกตัวอย่างจากงานวิจัยนี้ (กดที่ลิ้งค์ได้เลย)
งานวิจัยนี้ทดสอบบระดับเสียงของเครื่องเล่นต่างๆในห้องซ้อมดนตรี
ข้อมูลด้านใน ในตารางที่ 4 (Table 4) ผลจากการวัดค่าเสียง พวกเครื่องเสียงกลุ่ม Bass มีเสียงดังสุดอยู่ที่ 98.5 dB(A) ซึ่ง เมื่อนำมาคำนวณโดยเทียบกับร้านอาหาร
98.5 dB - 70 dB = 29.5 dB
28.5 dB = (10) ^ (28.5/10) = 707.95
จากการคำนวณ คือพลังเสียง ต่างกับร้านอาหาร ประมาณ 700 เท่า
หรือ ความดัง ต่างกันที่ 26.6 เท่า
เมื่อเปรียบเทียบกับร้านอาหาร ที่ 70 dB

เห็นได้ชัดเลยว่า จริงๆแล้วถ้าเรามองในรูปแบบพลังงาน และ ความดัง จริงๆการเก็บเสียงห้องซ้อมดนตรีนั้นค่อนข้างที่จะคนละสเกลกับห้องไดโน่เลย
ส่วนของที่ห้องเรา ก็มีการเก็บเสียงเช่นกัน โดยใช้วัสดุค่อนข้างหลายอย่าง ทั้งโครงสร้างและวัสดุกรุเก็บเสียง เรียกได้ว่าไม่ใช่ของที่ขายกันตาม ไทวัสดุ หรือ Homepro
นี่คือเสียงจากประตูด้านข้าง ที่ห่างจากล้อหลังรถ เพียงประมาน 1 ฟุต และวัดเสียงห่างจากประตู ประมาณ 1 เมตร
เสียงที่เหลือ สูงสุดอยู่ที่ประมาณ 102 dB หรือเหมือนมีคนยิงปืมนลมถอดล้ออยู่
129 dB - 102 dB = 27 dB
-27 dB = - 10 ^ (27/10) = 501.18
หากวัดห่างจากประตู 1 เมตร พลังงานเสียงลดลงไป 500 เท่า
และ ความดังเสียงจะลดลงไปกว่า 22 เท่า
ซึ่งผู้ผลิตประตู เคลมไว้อยู่ที่ -30 dB ถือว่าใกล้เคียงเลยทีเดียว
แล้วถ้าจากด้านหน้าห้องหละ?
เช่นเดียวกัน วัดห่างจากประตู ที่ 1 เมตร เสียงดังสูงสุดอยู่ที่ 99.7 dB(A) หรือ เสียงลดไปประมาน 29.3 dB
ประตูหน้าเช่นกัน ถูกออกแบบไว้ที่ -30 dB จึงถือได้ว่าใกล้เคียงมาก
อันนี้คือ ดีที่สุดแล้วหรือยัง?
เรื่องการเก็บเสียง ตอบได้เลยว่า ยัง และการเก็บเสียงให้ดีที่สุด budget แทบจะเรียกได้ว่าต้องไม่จำกัด
จากห้องไดโน่เรา ลดเสียงจาก เครื่องบินไอพ่น ให้เหลือเพียงแค่ ปืนลมถอดน๊อตล้อ ก็ถือได้ว่าดีมากแล้วเลยทีเดียว
เสียง ไม่เหมือน แสง แค่สร้างห้องครอบไว้ ไม่ได้หมายความว่าจะเก็บได้ เสียงของห้องทดสอบเกิดได้จากอย่างอื่นอีก เช่น
การสั่นสะเทือน
เสียงเครื่อง
เสียงพัดลม
เสียงท่อไอเสีย
และการเก็บเสียง ก็ไม่ใช่มีแค่ทำให้เงียบอย่างเดียว ยังมีปัจจัยอื่นอีก
ลดเสียงสะท้อน
ลดเสียงเข้ามากวน
ลดเสียงดังออกนอกห้อง
และ คุณลักษณะหลัก ของการเลือกวัสดุเก็บเสียง คือ
ความดังของเสียง
ความถี่ของเสียงที่ต้องการเก็บ
อ๊ะ มีตัวแปรเพิ่มอีกเต็มเลย แล้วทำยังไงถึงจะรู้ว่าต้องเก็บเสียงแค่ไหน แล้วใช้วัสดุอะไร
อันนี้ บอกเลยว่า ตอบค่อนข้างยากมาก
โดยหลักเลยเมื่อมีลูกค้าเข้ามาถามเรื่องเก็บเสียงห้องไดโน่ นี่คือสิ่งที่เราถามกลับไป
รอบข้างรับเสียงดังได้แค่ไหน (เพื่อหาว่าต้องตั้งเป้าหมายเก็บเสียงแค่ไหน)
ห้องมีพื้นที่ได้แค่ไหน (เพื่อดูว่าใช้วัสดุอะไรได้บ้าง หนาได้แค่ไหน)
รถประเถทอะไร (เพื่อเลือกวัสดุสุดท้าย ว่าต้องลดเสียงเยอะแค่ไหน)
จากที่กล่าวมาด้านบนทั้งหมด มีหลายสิ่งที่ต้องคำนวณ และวางแผน
การทำห้องเก็บเสียงไดโน่ ไม่ใช่อยู่ๆจะสร้างได้เลย ต้องมีการวางแผนอย่างดีมากๆ และไม่ง่าย
ถึงแม้จะเป็นผู้ที่มีประสบการณ์การสร้างห้องเก็บเสียงมาเยอะ ก็บอกเลยว่าโจทย์การเก็บเสียงห้องทดสอบไดโน่ เป็นโจทย์ที่ยากมากๆเลย
ทางเราก็รับให้คำปรึกษาพร้อมออกแบบห้องไดโน่นะ แต่จากที่กล่าวมา มันไม่ง่ายเลย เพราะฉะนั้น หากโทรมาสอบถามแล้วเรายังให้คำตอบไม่ได้ทันที อย่าเคืองกันนะครับ :D
ขอบคุณที่อ่านกันมาจนถึงตรงนี้ หวังว่าจะเป็นตัวอย่าง และไอเดียให้ผู้ที่กำลัวจะสร้างห้องไดโน่และกังวลเรื่องเสียงได้ไม่มากก็น้อยนะครับ
Comments